ศาลพิพากษา “นายกฯ-คกก.สิ่งแวดล้อมฯ” ละเลย-ล่าช้าแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5

วันที่ 10 กรกฎาคม ศาลปกครองเชียงใหม่ มีคำพิพากษาในคดีที่ นายวสุชาติ พิชัย ยื่นฟ้อง นายกรัฐมนตรี(ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1) และคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ(ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2)

โดยนายวสุชาติ ฟ้องว่า มีอาชีพรับราชการในพื้นที่ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายจากการที่นายกรัฐมนตรี ละเลยการบริหารราชการแผ่นดินกรณีไม่ใส่ใจแก้ปัญหาควันหรือฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ไม่มีความจริงใจห่วงใยประชาชนภาคเหนือที่เข้ามาสูดดมควันหรือฝุ่นละออง

ซึ่งศาลปกครองเห็นว่าแม้การแก้ไขปัญหาควันหรือฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ของนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ โดยอ้างว่า ครม.ได้มีมติเห็นชอบให้การแก้ไขปัญหามลภาวะด้านฝุ่นละอองเป็นวาระแห่งชาติ โดยมอบหมายให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เป็นกลไกหลักแล้วก็ตาม แต่ปัญหาควันหรือฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ในเขตจังหวัดเชียงใหม่ ก็ยังคงเกิดขึ้นเป็นประจำในช่วงเดือน ธันวาคม-พฤษภาคมในช่วงปีที่ผ่านมาอย่างต่อเนื่อง เกินกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดไว้ และส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ตามคำชี้แจงของคณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผู้อำนวยการสำนักงานหลักประกันสุขภาพเขตที่ 1 เชียงใหม่ และผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่

กรณีจึงเห็นว่า นายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ละเลยต่อหน้าที่พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535 กำหนดให้ต้องปฏิบัติและปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร

นอกจากนั้นยังเห็นว่า เมื่อนายกรัฐมนตรี มิได้ดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าวที่เหมาะสมและเพียงพอเพื่อให้ปัญหาดังกล่าวหมดสิ้นไปภายในเวลาอันรวดเร็ว ผู้ฟ้องคดีและประชาชนในจังหวัดเชียงใหม่จึงตกอยู่ในภาวะเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบต่อสุขภาพทั้งในระยะสั้นและระยะยาว อันเป็นผลมาจากการเผาในที่โล่งเพื่อหาของป่า ล่าสัตว์ การเผาไร่ การเผาพื้นที่เกษตรในป่า การเผานอกป่า และเกิดการลุกลามเข้าสู่พื้นที่ป่า ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของปัญหาควันหรือฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่

กรณีจึงเห็นว่า นายกรัฐมนตรีละเลยต่อหน้าที่ตามที่พระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 กำหนดให้ต้องปฏิบัติและปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร

ทั้งนี้ ศาลปกครองเห็นว่าแม้สถานการณ์ปัญหาควันหรือฝุ่นละอองที่เกิดขึ้นในท้องที่จังหวัดเชียงใหม่ได้คลี่คลายลงแล้วตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า ปัญหาควันหรือฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5ไมครอน (PM2.5) ในเขตจังหวัดเชียงใหม่ก็ยังคงเกิดขึ้นเป็นประจำทุกปีอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มว่าจะทวีความรุนแรงขึ้น อันจะก่อให้เกิดผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน และเกิดผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม

จึงพิพากษาให้ นายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ร่วมกันใช้อำนาจตาม พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศคำพูดจาก นสล็อตออนไลน์. 2535 พระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งดำเนินการอื่นใด เพื่อระวัง ป้องกัน บรรเทา และแก้ไขปัญหามลพิษอันเกิดจากควันหรือฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ในเขตจังหวัดเชียงใหม่ให้อยู่ในค่ามาตรฐาน และเกณฑ์ดัชนีคุณภาพอากาศของประเทศในระดับดีมากหรือระดับดีต่อสุขภาพของประชาชนและสิ่งแวดล้อมในอนาคตได้อย่างทันท่วงที